วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สูตรแห่งความสุข

สูตรแห่งความสุข
..ตำราชีวิตประจำวัน

       เรียกสูตรนี้ว่าเป็น Lifebook หรือเป็น ตำราแห่งชีวิต ซึ่งเหมาะเจาะกับเนื้อหาและ
คำแนะนำที่น่าสนใจยิ่ง
ทั้งง่ายและตรงไปตรงมา, ใครจะทำก็ได้, ไม่ทำก็ได้เป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล,
ไม่บังคับยัดเยียดกัน, ไม่ต่อว่าต่อขานกัน, แต่ถ้าหากมีความมุ่งมั่นจะทำอะไรให้กับชีวิตของตนเอง,
ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าส่งเสริมสนับสนุน สมควรที่จะให้กำลังใจแก่กันและกันอย่างยิ่ง
สูตรที่ว่านี้มีง่าย ๆ อย่างนี้
            ๑.ดื่มน้ำให้มาก  
            ๒.กินอาหารเช้าเหมือนราชา, รับประทานอาหารเที่ยงเหมือนเจ้าชายและเมื่อถึง
อาหารเย็น,ให้วาดภาพว่าตัวเองเป็นแค่ขอทาน (แปลว่ากินมือหนักที่สุดตอนเช้า, และกลาง ๆ
ตอนเที่ยงและตกเย็นแล้ว, ทำตัวเป็นยาจก, ไม่มีอะไรจะกิน...สุขภาพจะเป็นอย่างเทวดาทีเดียว
เชียวแหละ)
              ๓.กินอาหารที่โตบนต้นและบนดิน, พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ผลิตจากโรงงาน
           ๔.ใช้ชีวิตบนหลักการ 3 E...นั่นคือ energy หรือพลังงาน, enthusiasm หรือกระตือตือร้น
และ empathy คือเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มาก  
           ๕.หาเวลาทำสมาธิหรือสวดมนต์เสมอ
           ๖.เล่นเกมสนุก ๆ เสียบ้าง, อย่าเครียดกันนักเลย
           ๗.อ่านหนังสือให้มากขึ้น..ตั้งเป้าว่าปีนี้จะอ่านมากกว่าปีที่ผ่านมา
           .นั่งเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองสักวันละ 10 นาทีให้ได้
           ๙.นอนวันละ 7 ชั่วโมง
         ๑๐. เดินสักวันละ 10 ถึง 30 นาที, แล้วแต่จะสะดวก, ไม่ต้องเครียดกับมัน, วันไหนไม่ได้เดิน,
ก็อย่าหงุดหงิดกับมัน 
           ๑๑. ระหว่างเดิน, อย่าลืมยิ้ม

          นั่นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพกายและใจที่ผสมปนเปกันได้เสมอ, หากทำเป็นกิจวัตร,
ชีวิตก็จะแจ่มใสแต่อย่าทำให้ตัวเองเครียดด้วยการรู้สึกผิด  ถ้าหากวันไหนทำไม่ได้ตามที่
วางกำหนดเวลาของตนเอาไว้ วันนี้ทำไม่ได้  พรุ่งนี้ทำก็ได้ แต่การไม่เอาจริงเอาจังกับตัวเอง
เกินไปไม่ได้หมายถึงการผัดวันประกันพรุ่ง ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน
         สูตรเกี่ยวกับบุคลิกของตัวเองที่ควรไปจะคู่กับสูตรสุขภาพมีอย่างนี้ครับ
         ๑.อย่าเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับคนอื่น คุณไม่รู้หรอกว่าคนที่คุณอิจฉานั้นเขามีความทุกข์
ยิ่งกว่าคุณอย่างไรบ้าง
         ๒.อย่าคิดทางลบเกี่ยวกับเรื่องที่คุณควบคุมหรือกำหนดไม่ได้ แทนที่จะมองโลกในแง่ร้าย,
ก็ทุ่มเทกำลังและพลังงานให้กับความคิดทางบวก ณ ปัจจุบันเสีย
         ๓.อย่าทำอะไรเกินกว่าที่ตัวเองทำได้...รู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ที่ไหน
         ๔.อย่าเอาจริงเอาจังกับตัวเองนัก เพราะคนอื่นเขาไม่ได้ซีเรียสกับคุณเท่าไหร่หรอ
         ๕.อย่าเสียเวลาและพลังงานอันมีค่าของคุณกับเรื่องหยุมหยิมหรือเรื่องซุบซิบ....
นอกเสียจากว่ามันจะทำให้คุณผ่อนคลายได้อย่างจริงจัง
         ๖.จงฝันตอนตื่นมากกว่าตอนหลับ
         ๗. ความรู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่าๆปลี้ ๆ...คิดให้ดีก็จะรู้ว่าคุณมีทุกอย่าง
ที่คุณจำเป็นต้องมีแล้ว
         ๘. ลืมเรื่องขัดแย้งในอดีตเสีย และอย่าได้เตือนสามีหรือภรรยาคุณเกี่ยวกับความผิดพลาด
ในอดีตของอีกฝ่ายหนึ่งเลย เพราะมันจะทำลายความสุขปัจจุบันของคุณ
         ๙.ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่เราจะไปโกรธเกลียดใคร...จงอย่าเกลียดคนอื่น
       ๑๐.ประกาศสงบศึกกับอดีตให้สิ้น, จะได้ไม่ทำลายปัจจุบันของคุณ
       ๑๑.ไม่มีใครกำหนดความสุขของคุณได้นอกจากคุณเอง
       ๑๒.จงเข้าใจเสียว่าชีวิตก็คือโรงเรียน คุณมาเพื่อเรียนรู้ และปัญหาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ
หลักสูตร ซึ่งมาแล้วก็หายไป...เหมือนโจทย์วิชาพีชคณิต...แต่สิ่งที่คุณเรียนรู้นั้นอยู่กับคุณ
ตลอดชีวิต 
         ๑๓. จงยิ้มและหัวเราะมากขึ้น
       ๑๔. คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้งที่ถกแถลงกับคนอื่นหรอก..บางครั้งก็ยอมรับว่า
เราเห็นแตกต่างกันได้..เห็นพ้องที่จะเห็นต่างก็ไม่เห็นเสียหายแต่อย่างไร
       เราควรจะมีทัศนคติอย่างไรต่อชุมชนและคนรอบข้างเรา
       ๑.อย่าลืมโทรฯหาครอบครัวบ่อย
       ๒.จงหาอะไรดี ๆ ให้คนอื่นทุกวัน
       ๓.จงให้อภัยทุกคนสำหรับทุกอย่าง
       ๔.จงหาเวลาอยู่กับคนอายุเกิน 70 และต่ำกว่า 6 ขวบ
       ๕.พยายามทำให้อย่างน้อย 3 คนยิ้มได้ทุกวัน
       ๖.คนอื่นเขาคิดอย่างไรกับคุณไม่ใช่เรื่องของคุณสักหน่อย
       ๗.งานของคุณไม่ดูแลคุณตอนคุณป่วยหรอก แต่ครอบครัวและเพื่อนคุณต่างหาก
เล่าที่จะดูแลคุณ ในยามคุณมีปัญหาสุขภาพ ดังนั้น, อย่าได้ห่างเหินกับคนใกล้ชิด
เป็นอันขาด  และถ้าหากสามารถดำรงชีวิตให้มีความหมายได้ ก็ควรจะทำดังต่อไปนี้
         ๑.ทำสิ่งที่ควรทำ
       ๒.อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์, ไม่สวย, ไม่น่ารื่นรมย์, จงทิ้งไปเสีย..เก็บไว้ทำไม?
         ๓.เวลาย่อมรักษาแผลทุกอย่างได้
       ๔.ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือเลวปานใด, เดี๋ยวมันก็เปลี่ยน
       ๕.ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรในตอนเช้าของทุกวัน, จงลุกจากเตียง, แต่งตัวและปรากฎ
ตัวต่อหน้าคนที่เราร่วมงานด้วย...get up, dress up and show up.
         ๖.สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง
       ๗.ถ้าคุณยังลุกขึ้นตอนเช้าได้, อย่าลืมขอบคุณพระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือ
เสียด้วย
       ๘.เชื่อเถอะว่าส่วนลึก ๆ ในใจของคุณนั้นมีความสุขเสมอ...ดังนั้น, ส่วนนอกของคุณ
ทุกข์โศกไปทำไมเล่า?